คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
การใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกก่อให้เกิดผลกระทบในส่วนที่เป็นผลดีและที่เป็นผลเสีย รวมทั้งปัญหามากมาย หากทุกคนคำนึงถึงหลักคุณธรรมและจริยธรรม ในการปฏิบัติต่อกันแล้ว ก็จะสามารถลดปัญหาลงไปได้มาก
1. ผลกระทบของการใช้อินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตมีการขยายตัวของการใช้ อย่างกว้างขวางไปทั่วโลกและมีการกระจายตัวไปยังวงการธุรกิจ นอกจากการใช้ในทางธุรกิจแล้ว อินเตอร์เน็ตได้ถูกนำมาใช้ในด้านการศึกษาหาความรู้ทั้งในระบบและนอกระบบ และในขณะเดียวกันก็ถูกนำมาใช้ในการบันเทิงในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปรากฏการดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบดังต่อไปนี้
ทางด้านบวก อินเทอร์เน็ตเป็นผลดีต่อการศึกษาหาความรู้ มีข้อมูลทุกอย่างสามารถเรียกมาดูได้ในเวลารวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลจากห้องสมุดโดยใช้เวลานาน และมีความบันเทิงโดยไปต้องออกไปนอกบ้าน และยังอำนวยความสะดวกและรวดเร็วแก่การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อยู่ห่างไกลกัน
ทางด้านลบ ข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จำนวนไม่น้อยเป็นข้อมูลที่เชื่อถือไม่ได้ บางเว็บไซต์มีสื่อลามากอนาจารหรือความรุนแรง และการพนัน ซึ่งทำลายศีลธรรมและพฤติกรรมของประชาชน นอกจากนี้ อินเตอร์เน็ตยังเป็นช่องทางสำหรับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ง่าย และทำให้เสียสุขภาพ เวลาที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวและอินเทอร์เน็ตเป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก
2. มารยาท ระเบียบ และข้อบังคับในการใช้อินเตอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีผู้ใช้จำนวนมาก จึงก่อให้เกิดความเสียหายได้มาก ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจึงควรปฏิบัติตามมารยาทและข้อบังคับในการใช้อย่างเคร่งครัดรวมทั้งข้อควรระวังต่างๆ ต่อไปนี้
1) ต้องให้เกียรติผู้อื่นที่พบหรือติดต่อกันในเครือข่าย แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อน
2) ใช้ภาษาที่สุภาพ ไม่ใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งบุคคลใดเป็นการส่วนตัว
3) ไม่ควรใช้ภาษาอังกฤษเป็นอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ในห้องสนทนา เพราะถือว่าเป็นการใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ
4) อย่าหลงเชื่ออีเมลที่ปล่อยข่าวลือ หรือการโฆษณาขายสินค้าที่ต้องโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่มีบริษัทที่น่าเชื่อถือเป็นหลักประกัน
5) ไม่ควรส่งอีเมลที่มีไวรัสหรือสงสัยว่ามีไวรัสแนบไปกับอีเมล เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับผู้อื่นเป็นอย่างมาก ให้เสียเวลาในการแก้ปัญหาหรือกู้แฟ้มข้อมูล
6) ห้ามเปิดแฟ้มข้อมูลจากแหล่งที่มาที่ไม่น่าไว้ใจ หรือมีข้อความแจ้งว่าเป็นบริการฟรี หรือแจ้งว่าท่านถูกรางวัลหรือได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง แฟ้มข้อมูลประเภทนี้มักเป็นเรื่องที่มีเจตนาไม่ดี
7) ถ้าได้รับอีเมลที่มีการส่งต่อมาเป็นทอดๆ หรือมีลักษณะเป็นจดหมายลูกโซ่ ไม่ควรส่งต่อ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่อาจตกเป็นผู้ต้องหาในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวสารที่มีความผิดตามกฎหมาย
8) ไม่บอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อ โรงเรียนของตนให้แก่บุคคลอื่นที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน
9) ไม่ควรไปพบบุคคลใดก็ตามที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน และหากผู้ปกครองอนุญาต ก็ควรไปพร้อมกับผู้ปกครอง โดยควรไปพบกันในที่สาธารณะ
10) ไม่ตอบคำถามหรือต่อความกับผู้ที่สื่อข้อความหยาบคาย และต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบทันที
11) ไม่ส่งรูปหรือสิ่งใดๆ ให้บุคคลที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต
12) ไม่มีความลับใด ๆ บนอินเทอร์เน็ต ให้นึกเสมอว่าข้อความของเราจะมีคนอ่านมากมายเมื่อเขียนไปแล้วไม่สามารถลบล้างได้
13) ในการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายควรใช้ชื่อบัญชี และรหัสผ่านของตนเอง ไม่ควรนำของผู้อื่นมาใช้รวมทั้งนำไปกรอกแบบฟอร์มต่างๆ
14) ใช้ข้อความที่สั้น กะทัดรัดเข้าใจง่าย
15) ไม่ควรส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ที่ก่อความรำคาญ และความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น จดหมายลูกโซ่
16) ควรเผยแพร่ข้อมูล และข่าวสารที่เป็นประโยชน์ใน ทางสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขัดต่อ ศีลธรรมและจริยธรรมอันดี รวมทั้งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
17) ใช้ภาษาที่สุภาพในการติดต่อสื่อสาร และใช้คำให้ถูก ความหมาย เขียนถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
18) ไม่ควรนำข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไปเผย ไม่ควรนำข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไปเผยแพร่
19) เลือกใช้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีแหล่งที่มาของผู้เผยแพร่ และที่ติดต่อ
20) ควรเก็บรักษารหัสผ่านของตนเองเป็นความลับ และทำการเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นระยะๆ รวมทั้งไม่ควรแอบดูหรือถอดรหัสผ่านของผู้อื่น
21) ไม่ควรนำความลับ หรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาเป็นหัวข้อในการสนทนา รวมทั้งไม่ใส่ร้ายหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
3. ความรับผิดตามกฎหมายในการเผยแพร่สารสนเทศ
สำหรับประเทศไทย เรามีกฎหมายควบคุมคือตามพระราชบัญญัติว่าด้ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2550 ผู้เผยแพร่ข่าวสารที่มีลักษณะต้องห้าม เช่น ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรือหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ต้องได้รับโทษทางอาญา (มีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ) และยังอาจต้องรับผิดทางแพ่ง คือชดใช้ค่าเสียหาย ด้วย กฎหมายถือว่า ผู้ส่งต่อมีความผิดเช่นเดียวกับผู้เริ่มต้นเผยแพร่เพราะฉะนั้นการส่งต่อข้อมูลข่าวสารจึงเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง
จัดทำโดย
เด็กหญิง พุทธิดา หนองใหญ่ เลขที่ 34
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2
เสนอ
อาจารย์ พุธชาติ มั่นเมือง